ข้อมูล

เทศกาลไหว้พระจันทร์

เทศกาลไหว้พระจันทร์

      เทศกาลไหว้พระจันทร์ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๘ ของจีน ตรงกับขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๐ ของไทย ประมาณเดือนกันยายนตามปฏิทินสากล ในสมัยโบราณการผู้คนในเอเชียนับถือพระจันทร์ เป็นเทพองค์หนึ่ง พระจันทร์มีอิทธิพลต่อเรื่องน้ำขึ้นน้ำลง มีอิทธิพลต่อฤดูกาล การเพาะปลูก ประเทศในแถบเอเชียเป็นประเทศเกษตรกรรม ส่วนมากจึงใช้ปฏิทินจันทรคตินับวันเตือนปี แบ่งฤดูกาลโดยเฉพาะปฏิทินจันทรคติของจีน จะบอกรายละเอียดของลมฟ้าอากาศ ช่วงเวลาของการเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว การทำกิจกรรมต่างๆ ไว้ด้วยนอกจากนี้แสงจันทร์ยังมีอิทธิพลต่อสภาพจิตใจของมนุษย์ในทางศาสนาก็เช่นกัน โดยเฉพาะศาสนาพุทธ วันสำคัญต่างๆ เกิดขึ้นภายใต้แสงจันทร์นวลผ่องพระจันทร์เต็มดวงทั้งสิ้น วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ของจีน หรือเดือน ๑๐ ของไทย ถือเป็นวันเพ็ญที่สุกสกาวที่สุดในรอบปี คนจีนโบราณมีตำนานกล่าวขานถึงพระจันทร์มากมาย แต่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในหมู่ประชาชนมากที่สุดก็คือเรื่องเทพธิดาฉางเอ๋อ

      เทพธิดาฉางเอ๋อ

      ตามตำนานเล่าว่าในสมัยราชวงศ์เหยา โลกมนุษย์มีพระอาทิตย์อยู่สิบดวง ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปให้แสงสว่างแก่โลกทีละดวง อยู่มาวันหนึ่งเทพดวงอาทิตย์ทั้งสิบคิดเล่นตลก ออกมาส่องแสงยังโลกพร้อมกัน ความร้อนนำความหายนะมาสู่โลกเดือดร้อนถึงเง็กเซียนฮ่องเต้ต้องมีบัญชาให้เทพโฮ่วอี้ไปจับเทพดวงอาทิตย์ทั้งสิบมาลงโทษ เทพโฮ่วอี้เป็นนักแม่นธนูแทนที่จะไปจะเทพดวงอาทิตย์ กลับใช้ธนูยิงเทพดวงอาทิตย์ตกไปเก้าดวง เหลือไว้ดวงเดียว เง็กเซี่ยนฮ่องเต้โกรธเทพโฮ่วอี้มากที่ปฏิบัติเกินคำสั่ง ลงโทษให้ลงมาใช้ชีวิตในโลกมนุษย์ เทพธิดาฉางเอ๋อสมัครรักใครอยู่กับเทพโฮ่วอี้ จึงขอเดินทางมายังโลกมนุษย์พร้อมกับโฮ่วอี้ ทั้งสองมีความสุขอยู่ในโลกมนุษย์ด้วยกัน โฮ่วอี้ใช้วิชายิงธนูของต้นช่วยปกป้องกันภัยจากสัตว์ร้ายและศัตรูให้แก่เพื่อนมนุษย์ จึงได้รับการยกย่องให้เป็นอ๋อง ความเป็นอ๋องทำให้โฮ่วอี้เปลี่ยนไป ไม่อยู่ในศิลในธรรม กลายเป็นทรราช ฉางเอ๋อเตือนเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง ฉางเอ๋อรู้สึกเสียใจและเศร้ามาก

      อยู่มาวันหนึ่งโฮ่วอี้ได้รับพระราชทานน้ำอมฤตกระปุกหนึ่งจากซีหวังหมู่ (เจ้าแม่แห่งสวงสวรรค์) ถ้าดื่มคนเดียวก็จะเหาะกลับคืนสู่สรวงสวรรค์ได้ ถ้าดื่มสองคนก็จะคงความเป็นหนุ่มสาวตลอดไป โฮ่วอี้ไม่คิดจะกลับสู่สรวงสวรรค์อีกแล้ว ความเป็นอ๋องในโลกมนุษย์แสนจะสนุกสุขสบาย จึงชวนฉางเอ๋อมาดื่มน้ำอมฤตด้วยกัน จะได้อยู่ปกครองโลกนี้ตลอดไปขณะนั้น

      เทพธิดาฉางเอ๋อ

      เผิงเหมิงลูกศิษย์ที่เรียนวิชาแม่นธนูกับอาจารย์โฮ่วอี้ อิจฉาในความเป็นอ๋องของโฮ่วอี้ใคร่จะวัดลอยเท้า แอบได้ยินเรื่องน้ำอมฤตกลัวโฮ่วอี้จะมีชีวิตที่เป็นอมตะจึงชิงลงมือยิงธนูฆ่าอาจารย์เสียก่อนที่จะดื่มน้ำอมฤต ฉางเอ๋อเศร้าเสียใจมากที่คนรักกลายเป็นทรราช ลูกศิษย์ฆ่าล้างครู โลกมนุษย์นี้มีแต่เรื่องแก่งแย่งชิงดีอิจฉาริษยา ใจบาปหยาบช้า ไม่น่าอยู่เลย จึงดื่มน้ำอมฤตทั้งหมด แล้วเหาะไปสู่ดวงจันทร์ที่เงียบสงบเปล่าเปลี่ยว เป็นเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ตั้งแต่นั้นมา

      เทพธิดาฉางเอ๋อในยุคราชวงศ์ถัง

      คนจีนในยุคก่อน เมื่อถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๘ ก็จะไหว้พระจันทร์เป็นการรำลึกถึงเทพฉางเอ๋อ มาถึงยุคราชวงศ์ถังจีนเจริญสุดขีด นักปราชญ์ราชบัณฑิตมีมากมาย ชนชั้นสูงและปัญญาชนทั้งหลายก็จะจัดชมจันทร์ดื่มน้ำชาทานขนมหวานหรือร่ำสุราใต้แสงจันทร์ อ่านบทกวีกันตามสวนสาธารณะ

      เทพธิดาฉางเอ๋อหลังราชวงศ์หยวน

      หลังยุคราชวงศ์หยวนตำนานการเล่าขานเกี่ยวกับการไหว้พระจันทร์ก็เปลี่ยนไป กล่าวคือในสมัยราชวงศ์หนาซ่ง (ค.ศ. ๑๑๒๗-๑๒๗๙ หรือ พ.ศ. ๑๖๗๐-๑๘๒๒) คือ บรรพบุรุษชาวมงโกล ทำสงครามรุกรานและยึดครองประเทศจีนได้สำเร็จ ก่อตั้งราชวงศ์หยวนขึ้นปกครองประเทศจีน (ค.ศ. ๑๒๗๙-๑๓๖๘ หรือ พ.ศ. ๑๘๑๑-๑๙๑๑) และใช้นโยบายห้ามคนจีนมีอาวุธ และส่งทหารเข้าไปควบคุมการเคลื่อนไหวของคนจีนทุกครอบครัว โดยให้คนจีน ๓ ครอบครัวเลี้ยงดูทหารมงโกล ๑ คน อย่างไรก็ตาม คนจีนคิดกอบกู้เอกราชอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่สามารถส่งข่าวสารแต่ไม่สามารถรวมพลังได้ ครั้นถึงปลายราชวงศ์หยวน คนจีนกลุ่มหนึ่งคิดแผนอาศัยเทศกาลไหว้พระจันทร์ก่อการรุกขึ้นสู้ โดยทำขนมเปี๊ยะเป็นแผ่นกลมๆ ขนาดใหญ่สำหรับไหว้พระจันทร์ ภายในมีกระดาษเขียนข้อความลับ แล้วนำขนมไหว้พระจันทร์นั้นไปแจกจ่ายให้คนจีนทุกบ้าน และสั่งไว้ว่าให้ไหว้พระจันทร์ถึงเที่ยงคืน แล้วหั่นขนมเปี๊ยะแบ่งกันกินจะมีโชคลาภเป็นมงคลพ้นภัยพิบัติทุกคน ชาวบ้านก็ปฏิบัติตามโดยไม่รู้ว่ามีข้อความลับอยู่ในขนมไหว้พระจันทร์ ทหารมงโกลก็ไม่ระแคะระคายในเรื่องนี้ ครั้นถึงเที่ยงคืนการไหว้พระจันทร์ก็สิ้นสุดลง นำขนมเปี๊ยะมาตัดแบ่งกันกิน จึงพบข้อความนัดแนะรุกขึ้นสู้ เมื่อถึงตีสามตามกำหนดนัดหมาย ชายหนุ่มชาวจีนทั้งหลายก็กรูกันเข้าเข่นฆ่าทหารมงโกล เป็นเหตุการณ์หนึ่งในการกอบกู้เอกราชของชาวจีน

      เทพธิดาฉางเอ๋อในยุคปัจจุบัน

      หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวการไหว้พระจันทร์ก็มีเนื้อหาเปลี่ยนไปเป็นการฉลองชัยชนะ เป็นการรำลึกถึงการรุกขึ้นสู้กอบกู้เอกราช แต่หลังปี พ.ศ. ๒๔๙๒ สภาพการก็แปรเปลี่ยนไป เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนปลดแอกแผ่นดินใหญ่จากพรรคก๊กหมิ่นตั้งสำเร็จ สถาปนารัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนมงโกเลียใน เป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน ชาวมงโกเป็นคนชนชาติน้อยที่มีสิทธิปกครองตนเอง เป็นคนในครอบครัวใหญ่ของจีน เทศกาลไหว้พระจันทร์ในเมืองจีนถูกแปรเปลี่ยน เป็นเทศกาลรื่นเริง เป็นวันหยุดพักผ่อนและท่องเที่ยว ส่วนคนจีนในต่างประเทศ รวมทั้งชาวไทยเชื้อสายจีนจำนวนหนึ่งยังคงไหว้พระจันทร์ในมิติเดิม คือ ไหว้เทพธิดาฉางเอ๋อ ขนมไหว้พระจันทร์กลายเป็นของฝาก เป็นสื่อที่ผู้น้อยจะเข้าหาผู้ใหญ่ มีไว้พบปะเพื่อนฝูง ร้านทำขนมไหว้พระจันทร์ได้เขตสาทรมีอยู่หลายร้านด้วยกัน เป็นที่ชื่นชอบของคนสาทรมาก